ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการใช้งาน XM Trading ในประเทศไทย

แพลตฟอร์มเทรด HFM บนแล็ปท็อปและสมาร์ทโฟนพร้อมกราฟราคาแบบเรียลไทม์

การเริ่มต้นใช้งานแพลตฟอร์ม XM ในประเทศไทย

บริษัทของเรามอบบริการแพลตฟอร์มเทรดดิ้งที่ครอบคลุมสำหรับลูกค้าในประเทศไทย รองรับการเทรดทั้ง Forex และ CFDs รวมถึงหุ้น ดัชนี และสินค้าโภคภัณฑ์ การเข้าถึงระบบทำได้ผ่านเว็บไซต์หรือแอปมือถือ โดยรองรับภาษาไทยและสกุลเงินบาทไทยอย่างเต็มรูปแบบ

ขั้นตอนสมัครสมาชิกเริ่มด้วยการกรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ-นามสกุล หมายเลขโทรศัพท์ และอีเมล หลังจากนั้นผู้ใช้ต้องยืนยันตัวตนด้วยเอกสารประจำตัวและหลักฐานที่อยู่ซึ่งออกไม่เกิน 6 เดือน เพื่อให้สามารถฝากเงินและเริ่มเทรดได้ทันที

ประเภทบัญชี เงินฝากขั้นต่ำ ขนาดล็อตขั้นต่ำ จำนวนตำแหน่งสูงสุด
Micro $5 0.01 200
Standard $5 0.01 200
Ultra Low $5 0.01 200

ขั้นตอนการยืนยันตัวตน

ระบบยืนยันตัวตนของเราปฏิบัติตามมาตรฐาน KYC โดยผู้ใช้ต้องอัปโหลดเอกสารประจำตัว เช่น บัตรประชาชนหรือหนังสือเดินทาง พร้อมหลักฐานที่อยู่ในรูปแบบไฟล์ JPEG, PNG หรือ PDF ที่มีความละเอียดสูงไม่ต่ำกว่า 300 DPI และขนาดไม่เกิน 5 MB ต่อไฟล์

หลังจากส่งเอกสาร ระบบจะตรวจสอบภายใน 24-48 ชั่วโมงและแจ้งผลผ่านอีเมล หากเอกสารไม่ผ่านการตรวจสอบ ผู้ใช้จะได้รับคำแนะนำให้ส่งเอกสารใหม่ทันที

แพลตฟอร์มเทรดดิ้งที่เราให้บริการ

เราให้บริการแพลตฟอร์ม MetaTrader 4 (MT4), MetaTrader 5 (MT5) และแอป XM สำหรับมือถือ MT4 เหมาะสำหรับการเทรด Forex และรองรับ Expert Advisors (EAs) กว่า 2,000 ตัว พร้อม Custom Indicators มากกว่า 50 ชนิด

MT5 มีความสามารถสูงขึ้น รองรับการเทรดหุ้น ดัชนี และมีฟีเจอร์ Market Depth กับ Economic Calendar แบบเรียลไทม์ แอปมือถือช่วยให้เทรดได้ทุกที่ทุกเวลา โดยรองรับระบบ iOS และ Android

การติดตั้งและการตั้งค่าแพลตฟอร์ม

ดาวน์โหลดไฟล์ติดตั้งจากเว็บไซต์หลักของเรา ขนาดไฟล์ประมาณ 30-50 MB รองรับ Windows 7 ขึ้นไป และ macOS 10.12 ขึ้นไป ต้องการ RAM ขั้นต่ำ 4 GB และพื้นที่ว่างในฮาร์ดดิสก์ 2 GB

หลังติดตั้ง ให้ใส่หมายเลขบัญชีและรหัสผ่าน ระบบจะเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์อัตโนมัติ ตั้งค่า Time Zone เป็น GMT+7 สำหรับประเทศไทย และเปิด-ปิด Auto Trading ได้ที่เมนู Tools > Options > Expert Advisors

ประเภทบัญชีและการเลือกใช้งาน

บริษัทของเรามีบัญชี Micro, Standard และ Ultra Low ที่ออกแบบให้เหมาะกับระดับทุนและประสบการณ์ที่แตกต่างกัน บัญชี Micro เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น ด้วยขนาดล็อตเล็กและเงินฝากขั้นต่ำ 5 USD

บัญชี Standard เหมาะกับนักเทรดที่มีทุนมากขึ้น สเปรดเริ่มต้น 1.0 pip และไม่มีค่าคอมมิชชันสำหรับ Forex ส่วนบัญชี Ultra Low มีสเปรดต่ำสุด เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการต้นทุนต่ำที่สุด

การเปลี่ยนประเภทบัญชี

ผู้ใช้สามารถเปิดบัญชีเพิ่มเติมได้สูงสุด 8 บัญชีต่อหนึ่งผู้ใช้ การสร้างบัญชีใหม่ใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที ข้อมูลเข้าสู่ระบบจะถูกส่งทางอีเมล การโอนเงินระหว่างบัญชีทำได้ผ่าน Client Portal โดยไม่มีค่าธรรมเนียม

การปิดบัญชีต้องถอนเงินทั้งหมดก่อน ส่งคำขอผ่านระบบ Live Chat หรืออีเมล หากไม่มีการใช้งานเกิน 90 วัน จะมีค่าธรรมเนียม 5 USD ต่อเดือน พร้อมแจ้งเตือนล่วงหน้า 30 วัน

การฝากและถอนเงินในประเทศไทย

ระบบการเงินของเรารองรับวิธีฝาก-ถอนเงินผ่านบัตรเครดิต/เดบิต ธนาคาร และ E-Wallet เช่น Skrill และ Neteller การฝากผ่านบัตรเครดิตและเดบิตใช้เวลาทันที ส่วนการโอนผ่านธนาคารใช้เวลา 1-3 วันทำการ

การฝากเงินขั้นต่ำ 5 USD สูงสุด 500,000 USD ต่อรายการ รองรับสกุลเงิน USD, EUR, และ THB การถอนเงินต้องใช้วิธีเดียวกับที่ฝาก ยกเว้นการถอนจากบัตรเครดิตจะโอนผ่านธนาคารเท่านั้น

วิธีการฝาก-ถอน เวลาประมวลผล วงเงินขั้นต่ำ วงเงินสูงสุด
Credit/Debit Card ทันที / 2-5 วัน $5 $500,000
Bank Transfer 1-3 วัน / 1-3 วัน $5 ไม่จำกัด
E-Wallet 15 นาที / 24 ชั่วโมง $5 $100,000

การจัดการบัญชีเงินฝาก

ตรวจสอบประวัติฝาก-ถอนได้จากเมนู Transaction History แสดงข้อมูลย้อนหลัง 12 เดือน การยกเลิกคำขอถอนทำได้ภายใน 1 ชั่วโมงหลังส่งคำขอ ระบบ Internal Transfer ช่วยโอนเงินระหว่างบัญชีเทรดโดยไม่มีค่าธรรมเนียม

การใช้งานแดชบอร์ดและการนำทาง

แดชบอร์ดหลักแบ่งเป็นส่วน Markets, Trade Section, Explore และ More Section ที่ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลตลาดและฟีเจอร์ต่างๆ ได้รวดเร็ว Markets แสดงรายการเครื่องมือเทรด เช่น Forex pairs, Stock CFDs, ดัชนี และสินค้าโภคภัณฑ์

ใน Trade Section ผู้ใช้ดูสถานะตำแหน่งคำสั่งรอดำเนินการและประวัติ ควบคุมการตั้งค่าแจ้งเตือนราคาผ่าน Watchlist ได้ตามต้องการ นอกจากนี้สามารถปรับแต่งธีมสีและตำแหน่งวิดเจ็ตในหน้าแดชบอร์ดได้อย่างอิสระ

การตั้งค่า Watchlist และการแจ้งเตือน

เพิ่มเครื่องมือเทรดใน Watchlist ด้วยไอคอน “+” รองรับสูงสุด 10 รายการ รายการละไม่เกิน 50 เครื่องมือ การแจ้งเตือนราคามี 3 รูปแบบ ได้แก่ Price Alert, Percentage Change Alert และ Technical Indicator Alert ส่งผ่าน Email, SMS หรือ Push Notification

ตั้งเวลาการแจ้งเตือนได้ตั้งแต่ 1 นาทีถึง 1 สัปดาห์ เพื่อให้ผู้ใช้ติดตามตลาดอย่างมีประสิทธิภาพและจัดการความเสี่ยงได้ทันเวลา

การเทรดและการวางคำสั่งซื้อขาย

เริ่มต้นเทรดโดยเลือกเครื่องมือจาก Markets ระบบจะแสดงกราฟ TradingView พร้อมเครื่องมือวิเคราะห์ เช่น เส้นเทรนด์ อินดิเคเตอร์ และแท่งเทียน ผู้ใช้สามารถปรับ Time Frame ได้ตั้งแต่ 1 นาทีถึง 1 เดือน

กำหนดขนาดล็อตโดยเริ่มต้นที่ 0.01 เพื่อลดความเสี่ยง ตั้งค่า Stop Loss และ Take Profit เพื่อควบคุมผลกำไรและขาดทุน สั่งซื้อขายทำได้ผ่านปุ่ม One Click Trading ที่ช่วยลดเวลาการดำเนินการ

ขั้นตอนการวางคำสั่ง

เลือกคู่เงินหรือเครื่องมือที่ต้องการเทรด คลิก “New Order” กรอกขนาดล็อตและตั้งค่า Stop Loss กับ Take Profit เลือกประเภทคำสั่ง Market Execution หรือ Pending Order แล้วกด “Buy” หรือ “Sell” ระบบจะแสดงสถานะคำสั่งทันที

การจัดการความเสี่ยงและเครื่องมือช่วยเทรด

เราให้บริการฟีเจอร์ Trailing Stop ที่ช่วยปรับ Stop Loss ตามราคาตลาดโดยอัตโนมัติ เพื่อป้องกันความเสี่ยงและรักษากำไร ระบบยังรองรับการใช้ Expert Advisors (EAs) สำหรับการเทรดอัตโนมัติบน MT4 และ MT5

ฟีเจอร์อื่นรวมถึง Hedging ที่ช่วยให้เปิดตำแหน่งซื้อและขายในคู่เงินเดียวกันพร้อมกันได้ การตั้งค่าความเสี่ยงสามารถกำหนดได้ในระดับเปอร์เซ็นต์ของทุนในบัญชีเพื่อควบคุมการสูญเสียอย่างมีประสิทธิภาพ

ฟีเจอร์ คำอธิบาย วิธีใช้งาน
Trailing Stop ปรับ Stop Loss อัตโนมัติ เปิดในเมนูคำสั่งซื้อขาย เลือกระยะห่างจากราคาปัจจุบัน
Expert Advisors (EAs) เทรดอัตโนมัติตามกลยุทธ์ ติดตั้งจาก MT4/MT5 เปิดใช้งานใน Options > Expert Advisors
Hedging เปิดตำแหน่งซื้อขายพร้อมกัน เลือก Buy และ Sell พร้อมกันได้ในคู่เงินเดียวกัน

การสนับสนุนลูกค้าและการศึกษา

ทีมสนับสนุนลูกค้าให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงผ่าน Live Chat, อีเมล และโทรศัพท์ รองรับภาษาไทยและเวลาทำการตามโซนประเทศไทย GMT+7

นอกจากนี้ เรายังมีวิดีโอการศึกษา บทความ และการวิเคราะห์ตลาดที่อัปเดตทุกวัน เพื่อช่วยให้ลูกค้าเข้าใจการเทรดและตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลครบถ้วน

การติดต่อฝ่ายบริการลูกค้า

เข้าสู่เว็บไซต์หรือแอป XM เลือกเมนู “ติดต่อเรา” จากนั้นเลือกช่องทางที่สะดวก เช่น Live Chat สำหรับการตอบคำถามทันที หรือส่งอีเมลเพื่อรับคำปรึกษาเชิงลึก ทีมงานจะตอบกลับภายใน 24 ชั่วโมง

ฟีเจอร์การศึกษา

  • วิดีโอสอนการใช้งานแพลตฟอร์ม
  • บทความวิเคราะห์ตลาดรายวัน
  • สัมมนาออนไลน์และเวิร์กช็อป

ฟีเจอร์เหล่านี้ช่วยให้ผู้ใช้ในประเทศไทยสามารถพัฒนาทักษะและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรจาก Forex และ CFDs ผ่านแพลตฟอร์มของเรา

❓ FAQ

XM รองรับการเทรดประเภทใดในประเทศไทย?

เราให้บริการทั้ง Forex และ CFDs รวมถึงหุ้น ดัชนี และสินค้าโภคภัณฑ์ สำหรับลูกค้าในประเทศไทย

ต้องใช้เอกสารอะไรบ้างในการสมัคร?

ต้องมีเอกสารประจำตัวที่ชัดเจน เช่น บัตรประชาชนหรือหนังสือเดินทาง พร้อมหลักฐานที่อยู่ในรอบ 6 เดือนล่าสุด

สามารถฝากถอนเงินด้วยสกุลเงินบาทได้หรือไม่?

รองรับสกุลเงินบาทผ่านธนาคารในประเทศไทยและ E-Wallets เช่น Skrill และ Neteller โดยไม่มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม

แพลตฟอร์มรองรับอุปกรณ์ใดบ้าง?

รองรับ Windows, macOS, iOS และ Android ผ่าน MT4, MT5 และแอป XM มือถือ

มีฟีเจอร์ช่วยจัดการความเสี่ยงอย่างไร?

มี Trailing Stop, Stop Loss, Take Profit และระบบ Hedging เพื่อช่วยควบคุมความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ